วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2561

ขนมไทยและขนมมงคล 9 ชนิด

        



        ขนมไทย เอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติไทย นอกจากจะมีความงดงาม วิจิตร ละเอียดอ่อน พิถีพิถันในทุกขั้นตอนการทำ ตั้งแต่วัตถุดิบ วิธีการทำที่กลมกลืน ยังมีรสชาติที่อร่อย หอมกลิ่นพืชพรรณจากธรรมชาติและกลิ่นอบร่ำควันเทียน ขนมจัดเป็นอาหารที่คู่สำรับกับข้าวไทยในงานพิธีและงานมงคลต่าง ๆ มาตั้งแต่ครั้งโบราณ โดยใช้คำว่าสำรับกับข้าวคาว - หวาน อีกทั้งขนมแต่ละชนิดยังมีชื่อเรียกที่บ่งบอกถึงคุณค่าและแฝงไปด้วยความหมาย อันเป็นสิริมงคล

 


        ขนมมงคล หมายถึง ขนมไทยที่นำไปใช้ประกอบเครื่องคาวหวาน ถวายพระ เลี้ยงแขกในงานพิธีมงคลต่าง ๆ เช่น งานมงคลสมรส งานบวช หรืองานขึ้นบ้านใหม่ เป็นต้น การเลือกใช้ขนมในงานมงคลจะเลือกจากชื่อและความหมาย ขนมไทยที่มักจะถูกเลือกใช้เป็นประจำคือขนมมงคล 9 ชนิด ดังนี้
- ขนมทองหยิบ
- ขนมทองหยอด
- ฝอยทอง
- ขนมชั้น
- ขนมทองเอก
- เม็ดขนุน
- ขนมจ่ามงกุฎ
- ขนมถ้วยฟู
- ขนมเสน่ห์จันทน์ 

        ขนมไทยมีความสำคัญและผูกพันกับชีวิตคนไทยมาช้านาน เป็นเอกลักษณ์ไทยที่สวยงามโดดเด่น เป็นศิลปะสูงค่าที่น่าหวงแหนที่ชนรุ่นหลังควรอนุรักษ์ให้อยู่กับวิถีชีวิต คนไทยตลอดไป
 

และบทความต่อไปจะมีความหมายและวิธีทำขนมไทยมงคลทั้ง 9 ชนิดค่ะ

ที่มา  : http://www.finearts.go.th/nakhonphanomlibrary/parameters/km/item/%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5
วารสารข่าวรามคำแหง. ปีที่ 33 : ฉบับที่ 47 มีนาคม 2547. หน้า 4.

1. ขนมทองหยิบ



ขนมทองหยิบ เป็นขนมที่มีลักษณะงดงามคล้ายดอกไม้สีทอง ชื่อขนมทองหยิบเป็นชื่อสิริมงคล เชื่อว่าหากนำไปใช้ประกอบพิธีมงคลต่าง ๆ หรือให้เป็นของขวัญแก่ใครแล้วจะทำให้เกิดความมั่งคั่งร่ำรวย หยิบจับการงานสิ่งใดก็จะร่ำรวยมีเงินมีทอง สมดังชื่อ "ทองหยิบ"

วิธีการทำขนมทองหยิบ


ส่วนผสม
1.ไข่ไก่ 20 ฟอง
2.น้ำตาลทราย 1 กก.
3.น้ำลอยดอกมะลิ 2.5 ถ้วย

สิ่งที่ต้องเตรียม
ถาด, ถ้วยตะไล, ช้อน,ส้อม

วิธีทำ
1.ต่อยไข่ใส่ชาม แยกไข่ขาว ไข่แดง รีดเอาเยื่อออก แล้วตีไข่แดงให้ขึ้นฟู
2.ใส่น้ำตาล น้ำลอยดอกมะลิ ลงในกระทะทอง ตั้งไฟ พอเดือนและมีลักษณะข้น
3.เมื่อน้ำเชื่อมข้นได้ที่ ปิดไฟ ให้น้ำเชื่อมนิ่ง เริ่มตักไข่หยดลงทีละช้อน โดยหยอดนิ่งๆ ปล่อยไข่แดงไหลง แผ่นไข่ก็จะกลม หยอดจนเต็มกระทะ เปิดไฟ ให้น้ำเชี่อมเดือด ลดไฟลง คอยใช้ทัพพีตักน้ำเชื่อมราด พอขนมสุกฟู ใช้ส้อมตักใส่ถาดโดยอย่าให้ทับกัน พออุ่นหยิบเป็นจีบ 5 จีบ ใส่ถ้วยตะไล ทำจนหมด

**หมายเหตุ **
1. ถ้าไม่มีน้ำลอยดอกมะลิ ใช้ใบเตยต้มกับน้ำเชื่อมแทนก็ได้ เพราะช่วยดับกลิ่นคาวของไข่ได้
2. การตีไข่ ถ้าใช้เครื่องตีไข่จะสะดวกและเร็วกว่าการตีด้วยมือ
3. การแยกไข่ขาวกับไข่แดง ต้องแยกไข่ขาวออกให้หมด เพราะถ้ามีไข่ขาวก็จะทำให้ขนมทองหยิบแข็งกระด้าง ไม่น่ากิน

ที่มา

: https://sites.google.com/site/khnmthiymngkhl9xyang/sutr-tha-khnm-mngkhl-9-xyang
http://www.finearts.go.th/nakhonphanomlibrary/parameters/km/item/%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5

2.ขนมทองหยอด



ขนมทองหยอด ใช้ประกอบใน พิธีมงคลต่าง ๆ หรือมอบเป็นของขวัญในโอกาสสำคัญ ๆ แทนคำอวยพรให้ร่ำรวยมีเงินมีทองใช้จ่ายอย่างไม่รู้หมดสิ้น ให้ขนมทองหยอดเปรียบเสมือนให้ทองคำแก่กัน

 วิธีการทำขนมทองหยอด



ส่วนผสม

1. ไข่เป็ด 20 ฟอง
2. แป้งข้าวเจ้า 10 ถ้วยตวง
3. น้ำตาลทราย 3 ถ้วยตวง
4. น้ำลอยดอกไม้ 1 1/2 ถ้วยตวง


วิธีทำ

1. แยกไข่แดงและไข่ขาออกจากกัน ใช้แต่ไข่แดงตีให้ไข่แดงฟูขึ้นมากๆ แล้วใส่แป้งข้าวเจ้าคนเร็วๆให้เข้ากัน
2. ผสมน้ำลอยดอกไม้กับน้ำตาลทรายตั้งไฟแรงให้น้ำตาลเดือดพล่านเคี่ยวประมาณ 10-20 นาทีให้น้ำเชื่อมข้น แบ่งส่วนหนึ่งไว้สำหรับแช่ทองหยอดที่สุกแล้วส่วนที่เหลือตั้งไฟไว้สำหรับหยอดทองหยอด
3. ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางตักแป้งและใช้นิ้วหัวแม่มือสะบัดแป้งลงในกระทะที่ตั้งน้ำเชื่อมไว้ทำวิธีนี้จนเต็มกระทะ พอแป้งสุกลอยตัวตักขึ้นพักไว้

ที่มา

:http://www.finearts.go.th/nakhonphanomlibrary/parameters/km/item/%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5

https://sites.google.com/site/khnmthiymngkhl9xyang/sutr-tha-khnm-mngkhl-9-xyang

3.ฝอยทอง




ฝอยทอง เป็นขนมที่มี ลักษณะเป็นเส้นยาว ๆ จึงนิยมใช้กันในงานมงคลสมรส เปรียบได้ว่าคู่บ่าวสาวจะครองชีวิตคู่และรักกันได้อย่างยืดยาวเช่นเดียวกับ เส้นฝอยทอง

ฝอยทอง ขนมฝอยทองเป็นขนมหวานสัญชาติโปรตุเกตุ ที่คนไทยเข้าใจผิดมานาน ว่าเป็นขนมบ้านเรา แต่ขนมฝอยทองก็เป็นขนมที่ถูกปากคนไทยเพราะความหวานอร่อยจากน้ำตาลและไข่ไก่ มาดูส่วนผสมและวิธีการทำขนมฝอยทอง

วิธีการทำฝอยทอง




ส่วนผสม
1.ไข่ไก่สดใหม่ 20 ฟอง
2.น้ำตาลทราย 5 ถ้วย
3.น้ำลอยดอกมะลิ 3 ถ้วย

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมเพิ่มเติม : ไม้ปลายแหลม กรวยใบตองหรือกรวยโลหะ

วิธีทำ
1.ต่อยไข่ไก่ใส่ชาม แยกไข่ขาวไข่แดงออกจากกัน รีดเอาเยื่อออก นำไข่แดงผสมกับไข่น้ำค้างใน อัตราส่วน ไข่แดง 3 ฟอง/ไข่น้ำค้าง 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน

2.กระทะทองตั้งไฟ ใส่น้ำตาล น้ำลอยดอกมะลิ น้ำตาลละลาย พอเดือดยกลง กรองด้วยผ้าขาวบางให้สะอาด นำขึ้นตั้งไฟอีกครั้ง เคี่ยวต่อไปเรื่อยๆจนมีลักษณะข้น

3.ใส่ไข่แดงที่ผสมไว้ (ข้อ1) ลงในกรวยสำหรับโรยไข่ แล้วโรยลงในน้ำเชื่อมจนเต็มกระทะทอง วิธีการโรยให้โรยแบบวนรอกระทะ รอให้เดือดนาน 2 นาที ใช้ไม้ปลายแหลมตักขึ้น พับให้เป็นแพเล็กๆ จัดเรียงใสกระจาดหรือกระด้งที่ปูรองด้วยใบตอง

**หมายเหตุ**
1.ไข่น้ำค้าง คือ ไข่ขาวใสๆที่ติดค้างอยู่กับเปลือกไข่ส่วนป้านซึ่งไข่แต่ละฟองจะมีอยู่ในปริมาณที่ไม่เท่ากัน

2.ไข่ที่ทำฝอยทองควรเป็นไข่ไก่ที่สดใหม่ จะทำให้เส้นฝอยทองกลมสวย เพราะถ้าเป็นไข่เก่าไข่แดงจะเหลวเพราะมีน้ำอยู่มาก ทำให้เส้นฝอยทองขาด วิธีแก้ไข ต้องลดปริมาณไข่น้ำค้างลงแล้วเพิ่มปริมาณไข่แดง

3.เทคนิคในการโรยฝอยทอง ควรใช้ไฟที่ร้อนมากขึ้นเฉพาะตรงกลางกระทะ เพื่อให้น้ำเชื่อมมีฟองตรงกลาง เมื่อโรยไข่ ฟองน้ำเชื่อมจะดันฝอยทองลอยไปอยู่ขอบกระทะ ซึ่งช่วยให้ไข่ที่โรยใหม่ไม่ทับกันนอกจากนี้เส้นฝอยทองที่ได้ยังกลมสวย



ที่มา :https://sites.google.com/site/khnmthiymngkhl9xyang/sutr-tha-khnm-mngkhl-9-xyang
http://www.finearts.go.th/nakhonphanomlibrary/parameters/km/item/%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5

4.ขนมชั้น





ขนมชั้น เป็นขนมไทยที่จะต้องหยอดขนมให้ได้ 9 ชั้น เพราะมีความเชื่อว่าเลข 9 เป็นเลขที่หมายถึงความเจริญก้าวหน้า จึงนิยมมอบขนมชั้นให้เพื่อแสดงความยินดีที่ได้เลื่อนชั้น เลื่อนยศฐาบรรดาศักดิ์ให้สูงส่งยิ่ง ๆ ขึ้นไป

วิธีการทำขนมชั้น



ขนมชั้น

ส่วนผสม
1.แป้งข้าวเจ้าชนิดผงอย่างดี 2 ถ้วยตวง
2.แป้งมันหรือแป้งท้าวยายม่อม 2 ถ้วยตวง
3.น้ำตาลทราย 6 ถ้วยตวง
4.น้ำลอยดอกมะลิ 8 ถ้วยตวง
5.กะทิ 6 ถ้วยตวง
6.น้ำใบเตย
7.สีชมพู (สีผสมอาหาร)
วิธีทำ
1.ต้มน้ำตาลกับน้ำลอยดอกมะลิ 2 ถ้วยตวง พอเดือดและน้ำตาลละลาย แล้วกรอง ทิ้งไว้ให้เย็น
2.ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน กับกะทิน้ำเชื่อม คนให้เข้ากัน
3.แบ่งแป้งออกเป็นสีขาว 2 ส่วน สีชมพู และสีใบเตย 1 ส่วน
4.นำถาดใส่บนลังถึง ตั้งบนไฟแรงๆ พอน้ำเดือดเปิดฝา ตักแป้งสีขาว เทใส่ให้บางๆ ปิดฝานึ่ง นึ่งจนสุก จะมีลักษณะใส
5.เปิดฝาลังถึง ตักแป้งสีชมพูใส่ลงอีก ทำสลับกันจนหมดแป้ง
6.สีเขียวใบเตยก็ทำเช่นเดียวกับสีชมพู พอสุกทิ้งไว้ให้เย็น ตัดเป็นรูปตามชอบ


ที่มา :

https://sites.google.com/site/khnmthiymngkhl9xyang/sutr-tha-khnm-mngkhl-9-xyang

http://www.finearts.go.th/nakhonphanomlibrary/parameters/km/item/%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5

5.ขนมทองเอก




ขนมทองเอก เป็นขนมที่ ต้องใช้ความพิถีพิถันในการทำทุกขั้นตอน มีลักษณะที่สง่างาม มีทองคำเปลวติดไว้ที่ด้านบนของขนม คำว่า "เอก" หมายความถึง การเป็นที่หนึ่ง จึงนิยมใช้ขนมทองเอกประกอบพิธีมงคลสำคัญต่างๆ หรือใช้มอบเป็นของขวัญในงานฉลองการเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง จึงเปรียบเสมือนคำอวยพรให้เป็นที่หนึ่ง


วิธีการทำขนมทองเอก



ขนมทองเอก

ส่วนผสม
1.ไข่ไก่ 6 ฟอง
2.ผลอัลมอนด์ 1/2 ถ้วยตวง
3.น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
4.กะทิ 1 ถ้วยตวง
5.ทองคำเปลว 2 แผ่น
วิธีทำ
1.คั่วผลอัลมอนด์ให้กรอบ บดให้ละเอียดเป็นผงแป้ง แล้วร่อนหลายๆ ครั้ง
2.ใส่ไข่แดง น้ำตาลทราย ลงในกะทิ คนให้เข้ากัน จนน้ำตาลทรายละลาย
3.ร่อนผลอัลมอนด์ลงในส่วนผสมข้อ 2 ทีละน้อย ตะล่อนให้เข้ากัน
4.นำไปตั้งไฟอ่อนๆ กวนจนปั้นได้ ใส่พิมพ์ทิ้งให้เย็น เคาะออก ติดทองคำเปลว นำไปอบควันเทียน

ที่มา

: http://www.finearts.go.th/nakhonphanomlibrary/parameters/km/item/%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5

https://sites.google.com/site/khnmthiymngkhl9xyang/sutr-tha-khnm-mngkhl-9-xyang

6.เม็ดขนุน




เม็ดขนุน มีสีเหลืองทอง รูปร่างลักษณะคล้ายกับเม็ดขนุน ข้างในมีไส้ทำด้วยถั่วเขียวบด มีความเชื่อกันว่าชื่อของขนมเม็ดขนุนจะเป็น สิริมงคล ช่วยให้มีคนสนับสนุน หนุนเนื่องในการดำเนินชีวิตและในหน้าที่การงานหรือกิจการต่าง ๆ ที่ได้กระทำอยู่


วิธีการทำเม็ดขนุน


ส่วนผสม

1. ไข่เป็ด 20 ฟอง
2. น้ำเชื่อม น้ำตาลทราย 4 ถ้วยตวง
3. น้ำลอยดอกมะลิ 4 ถ้วยตวง
4. ไส้ถั่วเขียวดิบ 500 กรัม
5. น้ำตาลทราย 3 ถ้วยตวง
6. กะทิ 2 ถ้วยตวง
7. มะพร้าวขูดขาว 1 ถ้วยตวง

วิธีทำ

1. ถั่วเขียวแช่น้ำประมาณ 1-2 ชั่วโมง นำผ้าขาวบางรองลังถึงนึ่งถั่วให้สุก โขลกให้ละเอียด กวนส่วนผสมไส้ทั้งหมดให้แห้งจนปั้นได้ ปั้นรูปลักษณะคล้ายกับเม็ดขนุน วางเรียงใส่ถาดไว้
2. ตอกไข่ แยกไข่ขาวไข่แดง ใส่ไข่แดงลงบนผ้าขาวบางรีดเยื้อไข่ออก
3. น้ำตาลกับน้ำลอยดอกมะลิ ใส่กระทะตั้งไฟเคี่ยวพอข้น ใส่ถั่วที่ปั้นแล้วชุบไข่แดงให้ทั่ว ใส่ในน้ำเชื่อม ยกกระทะน้ำเชื่อมตั้งไฟให้เดือด พอขนมสุกช้อนขึ้นใส่ถาดพักให้เย็น



ที่มา : http://www.finearts.go.th/nakhonphanomlibrary/parameters/km/item/%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5
https://sites.google.com/site/khnmthiymngkhl9xyang/sutr-tha-khnm-mngkhl-9-xyang

7.ขนมจ่ามงกุฎ


ขนมจ่ามงกุฎ เป็นขนมที่ทำยากมีขั้นตอนในการทำสลับซับซ้อน นิยมทำกันเพื่อใช้ประกอบพิธีการที่สำคัญจริง ๆ คำว่า "จ่ามงกุฎ" หมายถึง การเป็นหัวหน้าสูงสุด แสดงถึงความมีเกียรติยศสูงส่ง นิยมใช้เป็นของขวัญในงานเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ ง ถือเป็นการแสดงความยินดีและอวยพรให้มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานยิ่ง ๆ ขึ้นไป

วิธีการทำขนมจ่ามงกุฎ



 ส่วนผสม
1.เม็ดแตงโมแกะแล้ว 1/2 ถ้วย
2.นํ้าตาลทราย 1/2 ถ้วย
3.นํ้าดอกมะลิ 1 ถ้วย
4.ทองคำ เปลวแท้ 2 แผ่น
5.แป้งสาลี 1 ถ้วย
6.ไข่แดงของไข่ไก่ 3 ฟอง
วิธีทำ
1. เชื่อมนํ้าตาล โดยใช้นํ้าตาลกับนํ้าดอกมะลิตั้งไฟให้เดือด กรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วตั้งไฟต่อ
อีก 5 นาที
2. ล้างขัดกระทะทองเหลืองให้สะอาดเป็นเงา ตะแคงข้างหนึ่ง คั่วเม็ดแตงโม โดยใช้มือจุ่มลงในนํ้า
เชื่อม แล้วกวาดไปมา จนน้ำ ตาลแห้งแล้ว ใช้มือจุ่ม น้ำ เชื่อม ทำ เช่นนี้ต่อไปจน น้ำ ตาลเกาะ
เป็นหนามติดเม็ดแตงโมพองาม เก็บใส่ภาชนะ อย่าให้อากาศเข้า
3. ระหว่างที่กวาดเม็ดแตงโมอยู่นั้น ต้องตะแคงกระทะและใช้ ผ้าขาวบาง เช็ดกระทะให้สะอาดอยู่เสมอ
4. นวดแป้งกับไข่แดงจนนิ่มมือ ถ้ายังแห้งอยู่จึงเติมนํ้า แล้ว คลึงแป้งเป็นแผ่นบาง ๆ กดให้กลม
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 เซนติเมตร นำ แผ่นแป้งที่ตัดแล้ว ใส่ในถ้วยตะไลใช้มือ กดเบา ๆ ให้
เป็นรูปก้นถ้วยตะไล ใช้ส้อมจิ้มให้ทั่วจึงเอาไป อบพอสุกกลายเป็นแป้งรองขนม
5. การทำ มงกุฎ ให้เอานํ้าตาลทรายใส่หม้อเล็ก ๆ ใส่นํ้านิด หน่อย ตั้งไฟอ่อน ๆ พอนํ้าตาล
ละลายเอาเม็ดแตงโมที่ กวาดไว้แล้วลงจุ่มให้นํ้าตาลติดกับแป้งที่อบไว้รอบ ๆ
6. ปั้นทองเอกกลม ๆ วางตรงกลาง ใช้มีดปลายแหลมผ่าเป็น 6 พู เหมือนผลมะยม แล้วปั้นเป็น
ก้อนเล็ก ๆ เท่าเม็ดถั่วเขียว วางบนยอดขนมที่ผ่าไว้ ใช้ทองคำ เปลวตัดเป็นสี่เหลี่ยมชิ้น เล็ก ๆ
แตะตรงยอดมองเห็นเหมือนมงกุฎ
กลเม็ดเคล็ดลับ การทำ แป้งรองขนมจ่ามงกุฎนั้นบางครั้งก็ต้องเติมนํ้าและบาง ครั้ง ก็ไม่ต้องเติม ทั้งนี้แล้วแต่นํ้าในไข่ที่ใช้นั่นเอง ทองคำ เปลว ต้องแน่ใจว่าเป็นของแท้ เพราะถ้าเป็นของปลอม จะเป็นอันตรายมาก เนื่องจากสารตะกั่ว


ที่มา : http://www.finearts.go.th/nakhonphanomlibrary/parameters/km/item/%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5
https://sites.google.com/site/khnmthiymngkhl9xyang/sutr-tha-khnm-mngkhl-9-xyang

8.ขนมถ้วยฟู





ขนมถ้วยฟู ชื่อของขนมถ้วยฟูให้ความหมายอันเป็นสิริมงคล หมายถึง ความเจริญรุ่งเรืองเฟื่องฟู นิยมใช้ประกอบในพิธีมงคลต่าง ๆ ทุกงาน ลักษณะเด่นของขนมถ้วยฟูคือจะต้องมีกลิ่นหอมจากการอบร่ำดอกไม้สด


วิธีการทำขนมถ้วยฟู


                                  

ส่วนผสม
1.แป้งข้าวเจ้า 31/2 ถ้วยตวง
2.น้ำลอยดอกมะลิ 2 ถ้วยตวง
3.น้ำตาลทรายขาว 11/2 ถ้วยตวง
4.ยีสต์ผง 2 ช้อนชา
5.ผงฟู 4 ช้อนชา
วิธีทำ
1.ร่อนแป้งข้าวเจ้ากับยีสต์รวมกัน แล้วค่อยๆ ใส่น้ำลอยดอกมะลิทีละน้อยๆ นวดจนแป้งนุ่ม แล้วใส่น้ำตาลทรายลงในแป้ง นวดต่อจนน้ำตาลทรายละลายหมด หลังจากนั้นค่อยๆ ใส่น้ำลอยดอกมะลิในส่วนผสมแป้งทั้งหมด
2.หมักส่วนผสมแป้งไว้ประมาณ 3 ชม.
3.เตรียมลังถึง ตั้งน้ำให้เดือด นึ่งถ้วยให้ร้อนจัด ตักส่วนผสมแป้งที่หมักไว้ 1 ถ้วยตวง ใส่ผงฟู 1/2 ช้อนชา ผสมให้เข้ากัน หยอดลงในถ้วยให้เต็ม นึ่งไฟแรงประมาณ 15 นาที ทิ้งให้ขนมอุ่นๆ จึงแคะออกจากถ้วย


ที่มา  : http://www.finearts.go.th/nakhonphanomlibrary/parameters/km/item/%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5
https://sites.google.com/site/khnmthiymngkhl9xyang/sutr-tha-khnm-mngkhl-9-xyang

9.ขนมเสน่ห์จันทน์





ขนมเสน่ห์จันทน์ คนโบราณนำความมีเสน่ห์ของผลจันทน์ที่มีผลสุกสีเหลืองเปล่งปลั่ง สวยงามและมีกลิ่นหอมชวนให้หลงไหล มาประยุกต์ทำเป็นขนมให้ชื่อว่า "ขนมเสน่ห์จันทน์" โดยเชื่อว่า คำว่าเสน่ห์จันทน์เป็นคำที่มีสิริมงคล จะทำให้มีเสน่ห์คนรักคนหลงดังเสน่ห์ของผลจันทน์ จึงนิยมนำมาใช้ประกอบในงานพิธีมงคลสมรส และให้เป็นของขวัญแทนความรัก
ขนมไทยมีความสำคัญและผูกพันกับชีวิตคนไทยมาช้านาน เป็นเอกลักษณ์ไทยที่สวยงามโดดเด่น เป็นศิลปะสูงค่าที่น่าหวงแหนที่ชนรุ่นหลังควรอนุรักษ์ให้อยู่กับวิถีชีวิต คนไทยตลอดไป

วิธิการทำขนมเสน่ห์จันทน์



ส่วนผสม
1.แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วยตวง
2.แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
3.หัวกะทิ 3 ถ้วยตวง น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
4.ไข่ไก่ 2 ฟอง ผงจันป่น 1/2 ช้อนชา
5.สีผสมอาหารสีเหลือง
วิธีทำ
1. ผสมแป้งทั้งสองชนิดเข้าด้วยกัน
2. ผสมหัวกะทิกับน้ำตาล ละลายแล้วกรองผสมแป้งกับกะทิ และผงจันป่นสีเหลือง
3. ตั้งไฟอ่อน กวนจนจับกัน
4. ไข่ไก่ใช้แต่ไข่แดง ใส่ขณะแป้งร้อน รีบคนให้เข้ากัน ยกลง
5. พอขนมอุ่นปั้นได้ ให้ปั้นเป็นรูปผลจัน ตรงขั้วผลใช้น้ำตาลเคี่ยวสีน้ำตาลหยอด


ที่มา :http://www.finearts.go.th/nakhonphanomlibrary/parameters/km/item/%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5
https://sites.google.com/site/khnmthiymngkhl9xyang/sutr-tha-khnm-mngkhl-9-xyang